25 กรกฎาคม 2553

"เพราะเหตุ" ...ที่ต้อง "เพาะเห็ด"....

       เดือนที่ผ่านมา ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปสาละวนอยู่กับเรื่อง "เห็ด" ตั้งแต่การให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านผู้สนใจไปรับการอบรมการเพาะเห็ดเพื่อที่จะได้เรียนรู้พร้อม ๆ กันไป ได้ทำโรงเพาะเห็ด จากโครงไม้สนที่เหลือจากงานบุญกลางบ้าน และตับจาก จากริมคลองประแส ของยายปลูกบ้านดอนมะกอก ได้ซื้อก้อนเชื้อเห็ดสำเร็จรูปมาห้าร้อยก้อน ๆ ละเจ็ดบาท เพื่อทดลองศึกษาเพื่อให้รู้จากการลงมือ เห็ดที่เพาะเป็นเห็ดนางฟ้า มีออกมาไม่มากที่จะขาย แต่ก็พอได้เป็นข่าวว่าเทศบาลฯ ทำเห็ดขึ้นมาได้บ้าง

       ล่าสุด ได้ทำระบบเตานึ่งฆ่าเชื้อในก้อนเห็ดและห้องนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป้าหมายคืออาศัยแก๊สชีวภาพจากที่ผลิตขึ้นเอง โดยให้มีขนาดของเตาและห้องนึ่งที่บ้านหรือครัวเรือนสักหลังหนึ่งจะสามารถทำได้ในแบบเดียวกันแล้วไปขยายเอาข้างหน้า  ต่างจากระบบแก๊สชีวภาพที่เริ่มทำจากระบบใหญ่ก่อน เพราะใช้ในโรงฆ่าสัตว์ จึงยังมีการบ้านต่อไปว่าจะทำแก๊สชีวภาพใช้ในขนาดครัวเรือนต่อไปกันได้อย่างไร

       ความคุ้มค่าของการเพาะเห็ดอยู่ระหว่างการเก็บสถิติรวบรวมข้อมูล และได้เรียนรู้ร่วมกันกับลุงเกิด คล้ายคลึงแห่งบ้านหนองควายเขาหัก ผู้มากสามารถเรื่องการเพาะเห็ดจากทลายปาล์มแยกผลแล้ว และจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา แต่เรื่องสำคัญของเทศบาลฯ คือ หากจะให้ได้คะแนนเต็มร้อย จะต้องสามารถนำเอาขี้เลื่อยไม้ยางพารามาคลุกกับวัสดุอื่นตามส่วนผสม แล้วสามารถผลิตเป็นก้อนเชื้อเห็ดเองได้ เช่นเดียวกับที่ไปซื้อก้อนเห็ดเขามาเพาะ เพื่อไปให้ถึงต้นทางต้นน้ำ จึงจะตอบโจทย์ได้อย่างถูำกต้องและสมบูรณ์

       แล้ว "เพราะเหตุ" ใด ทำไมต้อง "เพาะเห็ด"....

       เมืองแกลงมีโรงงานอบไม้และแปรรูปไม้ยางพาราไปเป็นผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์อยู่มากกว่าจังหวัดอื่นใดของประเทศ กระบวนการเลื่อยเพื่อแปรรูปไม้ยางตรงนี้ ทำให้เกิดขี้เลื่อยไม้ยางพาราอยู่มากมายและทุกวัน (เหมือนของเสียที่ไม่เสียของซึ่งเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน) เป็นวัตถุดิบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นอกจากสามารถนำขี้เลื่อยเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมเช่น การทำปาร์ติเกิ้ลบอร์ด การทำธูป การทำยาจุดกันยุง หรือในงานฝีมือประดิษฐ์จากขี้เลื่อยแล้ว ได้เคยเห็นรถบรรทุกต่อพ่วงทะเบียนต่างจังหวัดมาจากภาคเหนือ ภาคอีสานมาโกยขี้เลื่อยกลับไปเป็นเที่ยวรถ ๆ อยู่เป็นประจำ เมื่อสอบถามดูจึงทราบว่า เขามาขนขี้เลื่อยกลับไปทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงนำไปเพาะเห็ด แล้วก็ขนเห็ดกลับมาขายเราอีกที


       โธ่...โถ...นี่แหละหนา ที่โบราณว่า "หญ้าปากคอก" "ใกล้เกลือกินด่าง" "เส้นผมบังภูเขา" นั้นนำมาเปรียบเปรยอุปมากับเรื่องขี้เลื่อยกับเห็ดนี้ได้เป็นอย่างดีแท้เชียว เพราะเรามีของดีอยู่ใกล้ ๆ มือแท้ ๆ ยังปล่อยให้คนอื่นเขาวิ่งรถมาเป็นร้อย ๆ กิโลนำกลับไปสร้างรายได้แบบง่าย ๆ กันได้

       ถ้าคนเมืองแกลงบ้านเราเข้าใจและรู้จักใช้วัตถุดิบที่มีอยู่มหาศาลมาใช้เพื่อการผลิตอาหาร เพื่อเปลี่ยนสถานะจากต้องพึ่งพาอาหารจากพื้นที่อื่น มาเป็นผลิตอาหารเพื่อพึ่งพาตนเอง และให้พื้นที่อื่นต้องพึ่งพา เราก็จะมีความมั่นคงเรื่องความเป็นแหล่งอาหารของเมือง (Food stability) ลดการเดินทางของอาหาร (Food Transportation) การได้รับประทานอาหารสดสะอาด (Fresh Food , Food Safety)  เรื่องรายได้ในชีวิตความเป็นอยู่ (Income from Waste) เรื่องสิ่งแวดล้อมที่นำของเสียอย่างขี้เลื่อยกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ในรูปใช้เป็นวัตถุดิบในการเพาะเห็ด (Benefit from City's Raw Material) 

       "เพราะเหตุ" นี้แหละนา...เราจึงต้องหันมา "เพาะเห็ด" กัน

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

อิอิ...
เห็ดปากคอก...
กินได้ก็ไม่บอก...
หลอกให้เดินจนเมื่อย


โถ...ขี้เลื่อย...
ขนกันออกไปจนเมื่อย...
เราก็มองจนเหนื่อย...
-อ้าว-
เพาะเห็ดได้ก็ไม่บอก


ปอนด์