20 ธันวาคม 2552

เจ้ามูลเมืองบ้านเรา






พูดให้สุภาพ คำว่า "ขี้" เรียกว่า "มูล"...
แต่มูลที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นมูลสัตว์ที่เทศบาลหรือเมืองกำลังเลี้ยงอยู่ เรียกง่าย ๆ ว่า "มูลเมือง"
มูลเมืองแกลง เป็นประโยชน์ เกิดจากสัตว์ต่าง ๆ ของเมืองช่วยกันแปรรูปขยะอินทรีย์ให้เป็นของดี ๆ สำหรับดิน
เพื่อดินจะได้เป็นบ้านที่น่าอยู่ของพืชภัญธัญญาหารต่าง ๆ ได้เจริญเติบโต กลับมาเป็นอาหารของเราอีกครั้ง
หมุนเป็นวงรอบที่เกื้อกุลกันแบบไม่มีที่สิ้นสุด บนความพอดี ๆ
แม้ก้อนมูลของหมีแพนด้าที่มีอยู่เพียงสามตัวในประเทศ จะถูกนำมาแพ็คเป็นของที่ระลึกและจำหน่ายในราคาถึงก้อนละ ๗๕ บาทก็ตาม แต่ก็ธรรมดา เพราะราคาขี้ของมันคงแพงเพราะต้องสร้างบ้านมูลค่าหลาย ๆ สิบล้านให้มันอยู่
แต่เทียบกับแพะที่อาศัยสัตวแพทย์น้อยมาก มันผลิตปุ๋ยอัดเม็ดชั้นดีให้เรา แถมประหยัดเนื้อที่การกองหมัก ประหยัดเวลาในการหมัก โดยไม่ต้องถึงขั้นเอาชีวิตมันไปแลกเงินก็คุ้มค่าแล้ว
ส่วนเจ้าหมูหลุมนั้นเล่า ก็มีฝีมือในการย่อยมิใช่ย่อย ขี้หมูผสมแกลบถูกจองถูกเข้าคิวรอซื้อนำไปใช้อย่างไม่ขาดสาย
หรืออย่างวัวที่มองรายได้หลักมาจากมูลของมัน เชื่อหรือไม่ ถึงจะขายกันโดยเฉลี่ยที่กิโลกรัมละบาท แต่เมื่อนำมูลวัวมาผสมกับขุยมะพร้าวทำเป็นบ้านให้ไส้เดือนอาศัยอยู่สักสามสี่เดือน ขี้วัวจะกลายเป็นขี้ไส้เดือนที่มีราคาถึงกิโลกรัมละอย่างต่ำยี่สิบบาท มินับรวมถึงน้ำมูลไส้เดือนดินที่มีราคาค่างวดไม่แพ้กัน
ฉะนี้ จึงไม่มีใครเห็นสัตว์บ้านอื่นจะดีเด่ไปกว่าสัตว์บ้านเราดอก เพียงแต่วัตถุประสงค์ของการเลี้ยงที่ต่างกันเท่านั้น ขืนไปอิจฉาสัตว์ คนอย่างเราก็แย่นะสิ แต่ก็แน่ล่ะ ที่เห็นคนบ้านเมืองอื่นดีกว่าคนบ้านเรายังมีเลย ประสาอะไร...
จึงจงดูสัตว์ที่กล่าวมาทั้งหลายเป็นตัวอย่างเถิด ทั้งแพะ หมู วัว ไส้เดือน ที่มันรู้จัก "แปรรูป" ของเสียให้เกิดการใช้อย่างคุ้มค่า และกลับมาเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินอย่างเหลือคณา
นี้จึงสมควรพูดเรียกได้เต็มปากว่าเยี่ยมจริง ๆ "เจ้ามูลเมืองบ้านเรา"

19 ธันวาคม 2552

โรงปุ๋ยแปรรูปจากขยะอินทรีย์หลังใหม่



แล้วบ้านหลังใหม่ที่จะเป็นโรงปุ๋ยคอกแปรรูปจากขยะอินทรีย์ก็เสร็จในเวลาเพียงสามวันด้วยฝีมือของช่างที่อ่านงานขาด จากนี้ไปจะได้ประกาศรับสมัครบุคคลเข้าทำหน้าที่ประจำโรงปุ๋ย ตั้งคณะกรรมการสัมภาษณ์ ประกาศผล ขึ้นบัญชีหากเกินจำนวน จัดประชุม อบรม มอบหมายหน้าที่การงาน....เอ๊ยไม่ใช่ ๆ
จากนี้ไป จะได้ฤกษ์เอาเจ้าหมูเยเนอเรชั่นใหม่ไปหลุม เพื่อไม่แออัด ลองบ้านใหม่ดูแล้ว เย็นสบาย ยิ่งตะวันอ้อมใต้อย่างช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ยิ่งน่าอยู่ใหญ่
เป็นธรรมดา โตแล้วก็ต้องแยกเรือนเนอะ....

ที่เห็น..ที่เป็นอยู่...



วันหนึ่ง ป้าม่วยบอกให้ไปเก็บเปลือกขนุนที่แกะเนื้อไปอบแห้งขาย เป็นเวลาเดียวกับที่เอาเครื่องบดย่อยกิ่งไม้ไปทำฟันให้บดย่อยผักผลไม้และเปลือกทุเรียน เปลือกขนุนเสร็จพอดี
แต่เมื่อได้เปลือกขนุนมา กลับพบว่า เครื่องตัวที่ย่อยเปลือกขนุนหนัก ๆ แข็ง ๆ กับเม็ดขนุนได้ดีที่สุดก็คือ หมูหลุมที่เลี้ยงอยู่ มันกินเปลือกและเม็ดขนุนอย่างละเอียดเนี้ยบเนียน ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมัน ไม่ปล่อยควันเสีย แถมยังให้ปุ๋ยคอกที่มีราคาแพงกว่าปุ๋ยหมักแก่เราอีก
เช่นนั้นแล้วจะลืมไอ้โชคดีและอีนำโชคกับญาติ ๆ ของมันที่แหลมท่าตะเคียนได้ยังไงเล่า วัวเทศบาลฯ เหล่านี้มันก็ย่อยเปลือกขนุนได้เก่งน้อยกว่าหมูหลุมเสียที่ไหน และได้ปุ๋ยคอกเช่นกัน


เห็นแพะออกมาทำหน้าที่เล็มหญ้าแต่เช้า แต่แพะไม่เคยกินหญ้าชนิดขุดรากถอนโคน

เห็นต้นทานตะวัน แม้ในวันที่ยังไม่มีดอก ต้นทานตะวันก็ยังรู้จักหันใบไปหาดวงอาทิตย์ตั้งแต่ยังเป็นต้นเล็ก ๆ แล้ว

09 พฤศจิกายน 2552

When a child is born


















เจ้าสัตว์จตุบาทตัวนี้ เกิดแต่วันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เวลาประมาณ ๑๗ นาฬิกา ณ กลางทุ่งหนองกระโดง
เจ้าไผ่คนเลี้ยงวัว ต้องเดินโทง ๆ ข้ามทุ่งมุ่งไปอุ้มมันมาคอก
แม่ของเจ้าลูกวัวตัวนี้ ไม่ได้อยู่ในโผว่าท้องและจะคลอด
ตัวที่อยู่ในโผ กลับยังไม่คลอด เพราะเจ้าไผ่บอกเคยเห็น "น้ำเดิน" มาหลายหน
แต่ไม่เป็นไร เพราะไผ่ไม่ใช่พ่อวัว
แต่ในฐานะคนเลี้ยง เห็นเรียกสมาชิกใหม่ว่า "ไอ้นำโชค"
คงเพราะอีตัวพี่ที่มีเสี้ยววงเดือนที่หน้าผากได้ชื่อ "นังโชคดี" ไปก่อนหน้านี้
ไผ่บอกว่า ไอ้นำโชคเล่นหยอกล้อกับนังโชคดีตัวพี่จนล้มกลิ้งล้มหงายเมื่อวานเย็นนี้
ดูไป ๆ มันเกิดขึ้นมาเป็นสมาชิกใหม่ได้เพราะต้นหญ้าที่เกิดจากดินโดยแท้
ดูไป ๆ เพราะคนใจบุญให้เงินไปไถ่ชีวิต ให้มีชีวิตและเกิดอีกชีวตใหม่เพิ่มขึ้นอีกโดยแท้
ดูไป ๆ ดูให้ลึก ๆ ชีวิตเหล่านี้เกิดได้เพราะ "คน" และ "ดิน" ต่างหาก
อีกไม่นาน.....ไอ้โชคดี และอีนำโชค ก็จะทำงานผลิตปุ๋ยทดแทนบุญคุณแผ่นดินเกิดต่อไป...
อย่างไม่ต้องติดป้ายโฆษณา ให้ต้องอายว่า แน่ะ ๆ ...ทำอะไรคล้ายวัวจัง